วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554
Project Management 11 ธ.ค. 2554 (บ่าย)
1. การเร่งงาน มีประโยชน์หรือไม่อย่างไร ให้ยกตัวอย่างประกอบ
การเร่งงานเพื่อทำให้เวลาแล้วเสร็จของโครงการเสร็จเร็วขึ้น จะต้องทำกับกิจกรรมที่อยู่ในเส้นทางวิกฤต หรือเร่งงานวิกฤตเท่านั้น ทั้งนี้เพราะการเร่งงานที่ไม่ใช่งานวิกฤตจะไม่มีผลทำให้เวลาแล้วเสร็จของโครงการเสร็จเร็วขึ้นแต่อย่างใด และการเลือกเร่งงานวิกฤตก็จะต้องเลือกเร่งงานที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเร่งรัดต่ำที่สุดก่อน นอกจากนี้การเร่งงานเพื่อทำให้โครงการแล้วเสร็จเร็วขึ้น ก็ควรทำเฉพาะเท่าที่ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเร่งรัดโครงการ มีค่าสูงกว่าต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อการงาน ผลประโยชน์จากการเร่งงานโครงการให้เสร็จเร็วขึ้น
ตัวอย่างเช่น งานโครงการขยายฐานผลิตโรงงานเครื่องดืมมีแอลกอฮออลชื่อดัง จากการแปรปรวนของตลาดหลักทรัพย์ สกุลเงิน การเพิ่มสายผลิตภัณใหม่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งรัดงานโครงการ ที่รัดกุมและรอบครอบแล้ว เพื่อสร้างความเข้มเเข็งให้สายผลิตภัณ ก็จะทำให้การบริหารโครงการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ และทำให้งานในส่วนต่างๆ ของโครงการเสร็จตรงตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
2. การเร่งงาน ท่านคิดว่าปัจจัยอะไรที่จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษ อธิบายประกอบเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นอะไร
เวลา และค่าใช้จ่าย พิจารณางานวิกฤติเพื่อเร่งให้เร็วขึ้นนั้นต้องพิจารณางานวิกฤติที่มีอัตราค่าใช้จ่ายต่อหน่วยเวลาน้อยที่สุด และดำเนินการเร่งงานวิกฤตที่มีต้นทุนการเร่งงานต่ำที่สุดก่อน
3. การเร่งงาน ที่ดี ท่านคิดว่าจะต้องเรียงลำดับความสำคัญจากอะไรก่อนหลัง เพราะ
การเร่งรัดงาน ควรจัดลำดับความสำคัญจากองค์ประกอบด้านต่างๆ ให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างถูกระบบ เพราะถ้าเราจัดเรียงลำดับความสำคัญของงานไม่ดีพออาจทำให้การบริหารงานทั้งโครงการล้มเหลวไม่เสร็จตามกรอบระยะเวลาและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่เราวางไว้ ดังนั้นเราควรพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญต่าง ดังนี้
4. การพัฒนาโปรแกรมหรือระบบสารสนเทศใดๆ นั้น การเร่งงานมีส่วนมาเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
การเร่งงานเพื่อทำให้เวลาแล้วเสร็จของโครงการเสร็จเร็วขึ้น จะต้องทำกับกิจกรรมที่อยู่ในเส้นทางวิกฤต หรือเร่งงานวิกฤตเท่านั้น ทั้งนี้เพราะการเร่งงานที่ไม่ใช่งานวิกฤตจะไม่มีผลทำให้เวลาแล้วเสร็จของโครงการเสร็จเร็วขึ้นแต่อย่างใด และการเลือกเร่งงานวิกฤตก็จะต้องเลือกเร่งงานที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเร่งรัดต่ำที่สุดก่อน นอกจากนี้การเร่งงานเพื่อทำให้โครงการแล้วเสร็จเร็วขึ้น ก็ควรทำเฉพาะเท่าที่ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการเร่งรัดโครงการ มีค่าสูงกว่าต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อการงาน ผลประโยชน์จากการเร่งงานโครงการให้เสร็จเร็วขึ้น
ตัวอย่างเช่น งานโครงการขยายฐานผลิตโรงงานเครื่องดืมมีแอลกอฮออลชื่อดัง จากการแปรปรวนของตลาดหลักทรัพย์ สกุลเงิน การเพิ่มสายผลิตภัณใหม่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเร่งรัดงานโครงการ ที่รัดกุมและรอบครอบแล้ว เพื่อสร้างความเข้มเเข็งให้สายผลิตภัณ ก็จะทำให้การบริหารโครงการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ และทำให้งานในส่วนต่างๆ ของโครงการเสร็จตรงตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
2. การเร่งงาน ท่านคิดว่าปัจจัยอะไรที่จะต้องพิจารณาเป็นพิเศษ อธิบายประกอบเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นอะไร
เวลา และค่าใช้จ่าย พิจารณางานวิกฤติเพื่อเร่งให้เร็วขึ้นนั้นต้องพิจารณางานวิกฤติที่มีอัตราค่าใช้จ่ายต่อหน่วยเวลาน้อยที่สุด และดำเนินการเร่งงานวิกฤตที่มีต้นทุนการเร่งงานต่ำที่สุดก่อน
3. การเร่งงาน ที่ดี ท่านคิดว่าจะต้องเรียงลำดับความสำคัญจากอะไรก่อนหลัง เพราะ
การเร่งรัดงาน ควรจัดลำดับความสำคัญจากองค์ประกอบด้านต่างๆ ให้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างถูกระบบ เพราะถ้าเราจัดเรียงลำดับความสำคัญของงานไม่ดีพออาจทำให้การบริหารงานทั้งโครงการล้มเหลวไม่เสร็จตามกรอบระยะเวลาและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่เราวางไว้ ดังนั้นเราควรพิจารณาและจัดลำดับความสำคัญต่าง ดังนี้
- ศึกษาปัญหาและความเป็นไปได้ในแต่ละงานที่จะทำการเร่งรัดงาน
- ผลกระทบที่อาจส่งผลไปถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางเอาไว้
- ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับงานแต่ละงานที่ต่อเนื่องกันหลังจากการเร่งรัดงาน
- ผลกระทบด้านเวลาในการบริหารงานย่อยต่างๆ ที่ลดน้อยลงในแต่ละสายงาน
- ผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับงานย่อยส่วนต่างๆในแต่ละสายงาน
- ผลกระทบที่อาจส่งผลไปถึงคุณภาพของงานในแต่ละงานที่มีการเร่งรัด
4. การพัฒนาโปรแกรมหรือระบบสารสนเทศใดๆ นั้น การเร่งงานมีส่วนมาเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
การพัฒนาโปรแกรมหรือระบบสารสนเทศใดๆ นั้น ความเป็นไปได้ในทางการเงินและเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบ ความคุ้มค่าของระบบ มีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์และออกแบบระบบ
การเร่งรัดงานโครงการและการวางแผนการปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโปรแกรมและระบบสารสนเทศได้อย่างรัดกุมและรอบครอบแล้ว ก็จะช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมหรือระบบสารสนเทศบรรลุวัตถุประสงค์และเสร็จลุล่วงตามกรอบระยะเวลาที่เรากำหนดไว้ในตอนเริ่มโครงการอย่างมีคุณภาพได้ .
วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สอบกลางภาควิชาบริหารโครงการ
คำถาม คือ
“โครงการ (Project) ของท่านจะแล้วเสร็จกี่วันหากมีความน่าจะเป็นเท่ากับร้อยละ 83”
ทั้งนี้ ให้ท่านสมมติงานย่อยในแต่โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศใดระบบหนึ่งที่ท่านสนใจ (โดยจะต้องระบุชื่อโครงการ) โดยให้มีงานย่อยอย่างน้อย 15 งาน (ซึ่งจะต้องมีงานทำก่อนและหลัง) โดยแต่ละงานย่อยให้ท่านสมมติ เวลา a (ให้ท่านหาความหมายของ a ว่าคืออะไร) เวลา m (ให้ท่านหาความหมายของ m ว่าคืออะไร) และเวลา b (ให้ท่านหาความหมายของ b ว่าคืออะไร) ทั้งนี้ ท่านจะต้องเขียน AOA และ AON พร้อมให้บอกเส้นทางวิกฤตที่เกิดขึ้น ให้เวลาไม่เกิน 13.30 น. ครับ
“โครงการ (Project) ของท่านจะแล้วเสร็จกี่วันหากมีความน่าจะเป็นเท่ากับร้อยละ 83”
ทั้งนี้ ให้ท่านสมมติงานย่อยในแต่โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศใดระบบหนึ่งที่ท่านสนใจ (โดยจะต้องระบุชื่อโครงการ) โดยให้มีงานย่อยอย่างน้อย 15 งาน (ซึ่งจะต้องมีงานทำก่อนและหลัง) โดยแต่ละงานย่อยให้ท่านสมมติ เวลา a (ให้ท่านหาความหมายของ a ว่าคืออะไร) เวลา m (ให้ท่านหาความหมายของ m ว่าคืออะไร) และเวลา b (ให้ท่านหาความหมายของ b ว่าคืออะไร) ทั้งนี้ ท่านจะต้องเขียน AOA และ AON พร้อมให้บอกเส้นทางวิกฤตที่เกิดขึ้น ให้เวลาไม่เกิน 13.30 น. ครับ
โครงการพัฒนาสถานีตำรวจ
วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
Project Management 20/11/2011
- คำถามที่ 1 เอกสาร power point หน้า 13 มีกี่เส้นทาง ที่เป็นไปได้ และเส้นทางใดเป็น critical path พร้อมบอกระยะเวลาที่วิกฤติ
A - D - I =ใช้ระยะเวลา 0+3+8+6 = 17
B - E - G - J =ใช้ระยะเวลา 0+5+5+4+4 = 18
C - F - H - J = ใช้ระยะเวลา 0+7+5+5+4= 21
ดังนั้น เส้นทางที่เป็น critical path คือ C - F - H - J ระยะเวลาที่วิกฤติคือ 21
2. คำถามที่ 2 ท่านคิดว่า CPM กับ PERT ต่างกันอย่างไร หน้า 19 กับ 26
งานที่เป็นโครงการเป็นงานที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่ชัดเจน แน่นอน และสามารถกระจายออกเป็นงานย่อย ๆ ที่มีความสัมพันธ์กันได้ งานโครงการถือว่าเป็นงานชั่วคราวที่ไม่ได้ทำตลอดไปเหมือนงานประจำ เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ถือว่าจบโครงการ งานโครงการเป็นงานที่ทำเพียงครั้งเดียว แต่ละโครงการจึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เช่น แตกต่างกันในด้านเป้าหมาย เวลา งบประมาณ บุคลากรผู้รับผิดชอบ และทีมงาน เป็นต้น
ในการบริหารงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ มากมายจำเป็นต้องมีการวางแผน กำหนดขั้นตอนในการทำงาน และควบคุมความก้าวหน้าของโครงการเป็นอย่างดี ในปัจจุบันมีเครื่องมือ หรือเทคนิคที่ใช้ในการบริหารโครงการที่นิยมใช้กัน ได้แก่ แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart) เทคนิคการประเมินผลและทบทวนโครงการ หรือ เพิร์ต (Project Evaluation and Review Technique: PERT) และ ระเบียบวิธีเส้นทางวิกฤติ หรือ ซีพีเอ็ม (Critical Path Method: CPM)
เทคนิคการประเมินผลและทบทวนโครงการ หรือ PERT และ ระเบียบวิธีเส้นทางวิกฤต หรือ CPM เป็นเทคนิคเชิงปริมาณด้านการวิเคราะห์ข่ายงาน (Network Analysis) ที่ใช้กันแพร่หลายในการวางแผนและควบคุมงานที่มีลักษณะเป็นงานโครงการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริหารโครงการสามารถดำเนินโครงการให้สำเร็จตามเวลาและในงบประมาณที่กำหนด
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
การจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวของแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจันด้วยเว็บเซอร์วิส
ชื่อโครงการ ระบบจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวของแขวงกำแพงนครเวียงจันด้วยเว็บเซอร์วิส
หน่วยงานที่ดำเนินการ ..........................................................................
หลักการและเหตุผล
แนวคิดการดำเนินโครงการ
วิธีการดำเนินงานโครงงาน
สถานที่ทำการวิจัย
งบประมาณ
75,450 บาท (เจ็ดหมื่นห้าพันสี่ร้อยห้าสิบบาทถ้วน)
แผนการและระยะเวลาดำเนินงาน
หน่วยงานที่ดำเนินการ ..........................................................................
หลักการและเหตุผล
ในปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ละเว็บไซต์ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยต่างกันไป สิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น นั่นคือการเลือกเส้นทางที่เหมาะสมให้แก่ผู้ใช้งาน เพราะในบางครั้งผู้ที่สนใจจะท่องเที่ยวในแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจัน อาจไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้ามาก่อน หรือ มีเวลาจำกัดในการเดินทาง ทำให้พลาดโอกาสในการท่องเที่ยวสถานที่บางแห่งได้
เนื่องจากในเว็บไซต์ส่วนใหญ่มีการแยกการนำเสนอข้อมูลออกเป็นส่วนๆ ทำให้ผู้ใช้งานต้องเข้าหลายเว็บไซต์จึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เราจึงได้มีการนำเทคโนโลยีเว็บเซอร์วิส เพื่อรวมข้อมูลทั้งหลายที่มีอยู่อย่างกระจัดกระจายนี้ให้เป็นระบบบริการเส้นทางการท่องเที่ยวที่เหมาะสมแก่ผู้ใช้บริการ
ดังนั้นจึงจัดทำโครงงานการจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวของแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจันด้วยเว็บเซอร์วิส ขึ้น เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเว็บเซอร์วิส ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นว่าจะเก็บข้อมูลเพียงอย่างเดียวแต่ยังสามารถให้บริการได้ เช่น คำนวณโปรแกรมการจัดเส้นทาง สืบหาข้อมูล ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวได้ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศอีกด้วย
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
พัฒนา เว็บไซต์สำหรับให้บริการข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวภายในแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจัน และ ให้คำแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับเวลา และระยะทางที่เหมาะสม โดยใช้เว็บเซอร์วิส
เป้าหมายและขอบเขตของโครงงาน
เป้าหมาย
1. ได้เว็บไซต์ที่อำนวยความสะดวกในการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวตามความต้องการได้
2. ผู้ที่สนใจสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้ตามเวลาและระยะทางที่ต้องการได้
3. นักท่องเที่ยวที่ไม่รู้จักเส้นทาง สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวตามที่ต้องการได้
ขอบเขต
1. ค้นหาและให้บริการข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวภายในแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจัน
2. ให้บริการแผนที่ว่าจะใช้เส้นทางไหนในการเดินทางไปยังจุดหมายได้บ้าง
3. บอกถึงระยะเวลาและระยะทางในการไปสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง
4. บอกถึงตำแหน่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันและสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณใกล้เคียง
5. ให้บริการคำนวณโปรแกรมการจัดเส้นทางการท่องเที่ยวภายในแขวงกำแพงนครหลวงเวียงจัน โดยสามารถกำหนด ระยะทาง ระยะเวลา หรือ สถานที่ท่องเที่ยวได้
6. มีทำเนียบสมาชิก และเก็บสถิติการเข้าใช้ระบบได้
7. ผู้ดูแลระบบสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อมูลในระบบได้
แนวคิดการดำเนินโครงการ
วิธีการดำเนินงานโครงงาน
1. ศึกษาค้นคว้าทฤษฎีและผลงานที่เกี่ยวข้อง
2. กำหนดขอบเขตและเป้าหมายของโครงงาน
3. ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Web Service
4. วิเคราะห์และออกแบบฐานข้อมูลของระบบทั้งหมด
5. ออกแบบและพัฒนา Home page
- ออกแบบหน้าเว็บเพื่อที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย
6. เขียนโปรแกรมระบบและทดสอบปรับปรุงระบบ
- เขียนภาษา JAVA ในการทำ web service
- เขียนภาษา PHP ในการดึงฐานข้อมูลขึ้นมาแสดงบนเว็บ
7. จัดทำเอกสาร คู่มือการใช้
8. นำเสนอโครงการ
สถานที่ทำการวิจัย
ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ให้บริการข้อมูล ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวตรงตามความต้องการได้
2. จัดทำทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
3. เป็นศูนย์กลางในการให้บริการเส้นทางการท่องเที่ยวภายในแขวงกำแพงนคร
หลวงเวียงจัน
หลวงเวียงจัน
4. นำโปรแกรมไปประยุกต์ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้
งบประมาณ
75,450 บาท (เจ็ดหมื่นห้าพันสี่ร้อยห้าสิบบาทถ้วน)
แผนการและระยะเวลาดำเนินงาน
วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ดู vcd การบรรยายของท่านองคมนตรีเกษม วัฒนชัย ทั้ง. 5 ตอนใน แล้วสรุปว่าได้ทราบในประเด็นใดบ้างที่เกี่ยวกับคำว่าโครงการ
- ระเบิดจากข้างใน:
คือการทำสิ่งใดต้องสร้างฐาน ต้องเริ่มจากความพร้อม ความเห็นพ้องต้องกันในกลุ่มเล็กๆก่อน แล้วค่อยๆ จะมั่นคงถาวร พระองค์ทรมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคน
- พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนให้ชาวไทยสามารดำรงชิวิตด้วยตนเองได้ไม้ว่าจะเป็นการพึ่งตนเองทั้งทางด้านจิตใจที่ต้องเข้มแข็งมีจิตสำนึกที่ดีสร้างสรรคให้ตนเองและชาติโดยรวม ด้านสังคม ก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เชื่อมโยงกันเป็นครือข่ายชุมชนที่แข็งแรงเป็นอิสระหรือแม้กระทั่งด้านเศรฐกิจ ที่ต้องมุ่งลดรายจ่ายก่อนเป็นสำคัญ
- ส่งเสริมคนดีและคนเก่ง:
ควรให้การสนับสนุนส่งเสรีมคนดีและคนเก่ง เพราะคนคีและคนเก่งจะเป็นกำลังสำคันในการพัฒนาความเจริญในด้านต่างๆได้เป็นอย่างดีดังพระราชดำรัสที่ว่า
ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อยจีงมิใช้การทำให้ทุกคนเป็นคนดีไม่มีใครทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมดหากอยู่แค่ที่การส่งเสรีมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
- ปลูกป่าในใจคน:
เพราะความต้องการอยู่รอดของมนุษย์ ทำให้ต้องการบริโภคและใช้ทรัพยากรธรรมติอย่างสิ้นเปลือง เพื่อประโยชน์ของตนเองและสร้างความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อมปัญหาความไม่สมดุลจิงบังเกิดขื้น
ดังนั้น ในการที่จะฟื้นฟูทรัพยากรธรรมติให้กลับคืนมาจะต้องปลูกจิตสำนึกในการรักผินป่าให้แก่คนเสียก่อน
- ข้อคิดเห็น:
การบริหารโครงการจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนโยบาย แผนงาน และโครงการเพื่อที่จะได้บริหารโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแผนงานและนโยบายเพือให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
คลังบทความ 3 เรื่อง
การบ้านวันที่ 17/09/2554 คลังบทความ 3 เรื่อง
เข้าไปที่ Blog http://mis-manoon.blogspot.com/ ซึ่งจะมีคลังบทความอยู่ด้านขวามือ มีด้วยกัน 3 เรื่อง โดยให้ทุกท่านอ่านบทความทั้ง 3 ซึ่งจะมีคำถามอยู่ในบทความนั้น แล้วให้เขียนตอบให้ Blog ของท่าน
1. กรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
คำถาม : จากข้อมูลของทั้ง 9 องค์การ ท่านสนใจองค์การใดมากที่สุด เพราะอะไร แล้วหากท่านได้รับมอบหมายในการพัฒนาระบบสารสนเทศองค์การดังกล่าว (องค์การที่ท่านสนใจมากที่สุดนั้น) ท่านคิดว่าจะพัฒนาระบบอะไรเพิ่มเติม พร้อมในเหตุผล
คำตอบ : การพัฒนาระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ
คือการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ควบคู่ไปกับการปรับกระบวนการของกรมศุลกากรให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์ หรือเรียกว่า e-custom เป็นการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแบบ Web Application มาใช้ในการบริหารงานศุลกากร พร้อมกับการปรับระบบงานไปสู่ระบบสำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ การทำให้ระบบการขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ถูกต้องทันสมัย ไม่ได้อยู่ที่กรมศุลกากร แต่ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอาหารและยา, กรมประมง, กระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพจะต้องมีการรวมระบบงานให้เป็นระบบเดียวกัน (one stop service) เพื่อให้การนำเข้า-ส่งออกดำเนินการได้บนหน้าต่างเดียวกัน เรียกว่า กระบวนการเบ็ดเสร็จ ณ หน้าต่างเดียว (single windows)
2. โครงการด้านระบบสารสนเทศที่อาจจะสนองพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
คำถาม : ท่านคิดว่าจะสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงระบบสารสนเทศเป็นอย่างแบบใดอย่างไรบ้าง พร้อมให้เหตุผลประกอบ
3. โครงการที่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล ด้านระบบสารสนเทศ
คำถาม : ท่านคิดว่าการพัฒนาระบบสารสนเทศดังกล่าว ควรจะต้องมีระบบ e-service, web-service, front and back office หรือไม่อย่างไร และหากมีควรจะมีอะไรบ้างพร้อมระบุเหตุผลประกอบเพื่อจะได้นำไปปฏิบัิติได้ จริง
คำตอบ : ควรจะต้องมีระบบ e-service, web-service, front and back office เป็นไปได้ควรมีทั้งหมด แต่อย่างน้อยควร e-service และ web-service เพราะ e-service และ web service นั้น จะช่วยให้บริการในด้านข้อมูล ให้ความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการประชาชน และสามารถเป็นศูนย์ในการพัฒนา การจัดการองค์ความรู้เป็นคลังข้อมูลของแต่ละ จังหวัดในสถาบันอุดมศึกษาทุกจังหวัด เพื่อให้จังหวัดภาคส่วนต่างๆได้มีข้อมูลในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนา จังหวัดหรือเพื่อการพัฒนาในด้านอื่นๆ ต่อไป เป็นต้น ทั้งยังเป็นเหตุผลในการ พิจารณาดำเนินโครงการ “ศูนย์จัดการความรู้เพื่อพัฒนาจังหวัดอุบลราชธานี และ จังหวัดมุกดาหาร” โดยมีลักษณะรูปแบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม การเกษตร วัฒนธรรม และด้านอื่นๆ ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ศูนย์ข้อมูลกลางทาง วัฒนธรรม
ระบบของศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับสากลตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม โดยรวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาตั้งแต่ในส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น จนถึงระดับหมู่บ้าน และชุมชน ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมอันมีคุณค่ายิ่งของประเทศ ที่คนไทยจะต้องร่วมกันรักษา สืบทอด และส่งเสริมวัฒนธรรมในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านส่งเสริมความรู้ และพัฒนาเศรษฐกิจ
“ฐานข้อมูลที่มุ่งเน้นให้บริการประชาชน มีจำนวน ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านหอสมุดและจดหมายเหตุ ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ ด้านอุทยานประวัติศาสตร์ ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และด้านนาฏศิลป์ดนตรี ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อจัดเก็บ วิเคราะห์ประมวลผล การนำเสนอข้อมูลในรูปดิจิทัล และการจัดทำระบบฐานข้อมูลชุมชน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างทรัพยากรบุคคลของทั้งสองกระทรวง ตลอดจนการดำเนินการอื่นๆ ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้การพัฒนาข้อมูลในด้านทุนทางวัฒนธรรมสามารถอำนวยความสะดวกให้การดำเนินงานของกระทรวงฯ เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและความรู้ด้านวัฒนธรรมมากขึ้น
กระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับสากลตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม โดยรวบรวมองค์ความรู้ ภูมิปัญญาตั้งแต่ในส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น จนถึงระดับหมู่บ้าน และชุมชน ซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมอันมีคุณค่ายิ่งของประเทศ ที่คนไทยจะต้องร่วมกันรักษา สืบทอด และส่งเสริมวัฒนธรรมในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านส่งเสริมความรู้ และพัฒนาเศรษฐกิจ
“ฐานข้อมูลที่มุ่งเน้นให้บริการประชาชน มีจำนวน ๖ ด้าน ได้แก่ ด้านหอสมุดและจดหมายเหตุ ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ ด้านอุทยานประวัติศาสตร์ ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และด้านนาฏศิลป์ดนตรี ซึ่งมีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อจัดเก็บ วิเคราะห์ประมวลผล การนำเสนอข้อมูลในรูปดิจิทัล และการจัดทำระบบฐานข้อมูลชุมชน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างทรัพยากรบุคคลของทั้งสองกระทรวง ตลอดจนการดำเนินการอื่นๆ ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้การพัฒนาข้อมูลในด้านทุนทางวัฒนธรรมสามารถอำนวยความสะดวกให้การดำเนินงานของกระทรวงฯ เป็นไปอย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและความรู้ด้านวัฒนธรรมมากขึ้น
พร้อมทั้งเสริมสร้าง เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) ภายใต้แนวคิด ETC (Economy, Technology, Culture) ที่เป็นการนำข้อมูลเชิงวัฒนธรรมจากรากหญ้า ที่เกิดจากชุมชน เครือข่าย และข้อมูลจากหน่วยงาน มาผสานกับเทคโนโลยี ทำให้มีการเพิ่มทุนทางวัฒนธรรม ก่อให้เกิดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ โดยเป้าหมายสูงสุดของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการนำขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้เป็นเครื่องมือช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้และฐานข้อมูลทางศิลปวัฒนธรรม และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเท่าเทียมกัน เป็นการสร้างความเข็มแข็งให้กับประเทศทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และสังคม ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับศิลปวัฒนธรรมไทย รวมทั้งสร้างโอกาสสำหรับการเข้าถึงเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
สิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย โดยนำงานวิจัยของกระทรวงฯเข้ามาสนับสนุน อาทิ ระบบการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์,ระบบแนะนําแผนท่องเที่ยวในจังหวัดอยุธยา,ระบบแนะนําข้อมูลเชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยว และเทศกาลไทย บนโทรศัพท์มือถือ , การพัฒนาโปรแกรมออกแบบลวดลายทอผ้าและฐานข้อมูลลายทอผ้าพื้นถิ่นภาคเหนือสําหรับวิสาหกิจชุมชน , โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลชุมชนเพื่อการสืบสานวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ,ระบบจัดเก็บองค์ความรู้ถาวรแบบดิจิทัลสําหรับโขน เป็นต้น
สิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย โดยนำงานวิจัยของกระทรวงฯเข้ามาสนับสนุน อาทิ ระบบการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์,ระบบแนะนําแผนท่องเที่ยวในจังหวัดอยุธยา,ระบบแนะนําข้อมูลเชิงวัฒนธรรม ท่องเที่ยว และเทศกาลไทย บนโทรศัพท์มือถือ , การพัฒนาโปรแกรมออกแบบลวดลายทอผ้าและฐานข้อมูลลายทอผ้าพื้นถิ่นภาคเหนือสําหรับวิสาหกิจชุมชน , โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลชุมชนเพื่อการสืบสานวัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ,ระบบจัดเก็บองค์ความรู้ถาวรแบบดิจิทัลสําหรับโขน เป็นต้น
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554
Font Office for Smart Office
ด้าน Software
- ระบบผู้ดูแลระบบของผู้ประกอบ
- ระบบTax Information (Statistic)
- ระบบTax Information (Company Profile)
- ระบบงานติดตามสถานะงานใบอนุญาต
- ระบบงานติดตามสถานะวิเคราะห์สินค้าและของกลาง
- ระบบงานแจ้งสูตรการผลิต
- ระบบงานจดทะเบียนสรรพสามิต
- ระบบงานแจ้งราคาขาย ณ โรงอุตสาหกรรม
- ระบบงานบันทึกรายการภาษีสรรพสามิตร
- ระบบงานตรวจสอบข้อมูลการบันทึกรายการภาษี
- ระบบงานชำระภาษีสรรสามิต
- ระบบขอคืน ยกเว้นภาษีสรรพสามิต
- ระบบหักลดหย่อนภาษีสรรพสามิต
- ระบบการสำรองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ การใช้งานเหมืองข้อมูล(Data mining)ร่วมกันได้ในส่วนประกอบของเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจ ผ่านทางระบบจัดการทรัพยากรส่วนกลาง ทำให้มีการใช้งานทรัพยากรไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
- อุปกรณ์อินเทอร์เน็ตพกพา (Internet Mobile Device) การใช้งานอินเทอร์เน็ตแอพพลิเคชั่นแลการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่มากขึ้นและการขยายตัวในรูปแบบการสื่อสารไม่ว่าจะเป็น ระบบ3G WiFi ดังนั้น Internet Mobile Device สามารถทำให้พนักงานองค์รู้ข่าวเท่าทันเหตุการณ์และสามารถให้บริการได้อย่างทัันท่วงที
- เทคโนโลยีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและช่องท่างในการสื่อสาร การอำนวยความสะดวก ในการให้บริการ การทำงาน
ด้าน Peopelware
- ด้านเจ้าหน้าที่และบุคลากร ควรได้รับการอบรมการใช้ระบบอย่างดีเพื่อให้บริการได้อย่างเต้มประสิทธิภาพ
- การอบรมการบริการอย่างสุภาพและเป็นกันเอง รวมไปถึงการสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)